Interview : ดร. เนาวรัตน์ ชีพธรรม

posted in: ATPAC Members Interview | 0

ดร. เนาวรัตน์ ชีพธรรม และเสน่ห์ของโลกจุลินทรีย์

ดร. เนาวรัตน์ ชีพธรรม ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ ประจำ Department

of Biological Science, Faculty of Science, Thompson Rivers University (University
College of the Cariboo เดิม) เมือง Kamloops ประเทศแคนาดา และประจำบัณฑิตวิทยาลัย
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นอกจากนี้ยังเป็นผู้อำนวยการห้องปฏิบัติการด้านจุลชีววิทยา Eco
Tech Laboratory เมือง Kamloops ระหว่างปี พ.ศ. 2546 – 2550 นอกจากนี้ยังเป็นสมาชิก
ของสมาคมนักวิชาชีพไทยในอเมริกาและแคนาดา (ATPAC) ด้วย

ก่อนหน้านี้ ดร. เนาวรัตน์ได้สั่งสมประสบการณ์การสอนและการทำวิจัยด้านจุลชีววิทยาจาก
การเป็นผู้ช่วยวิจัยประจำ Department of Botany, University of British Columbia เมือง
Vancouver ประเทศ Canada (พ.ศ. 2544 – 2545) และ KAM Biotechnology เมือง
Surrey ประเทศ Canada (พ.ศ. 2544) และเป็นผู้บรรยายให้กับคณะชีววิทยา
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (พ.ศ. 2532 – 2544)

ดร. เนาวรัตน์ เกิดและเติบโตที่จังหวัดนครสวรรค์ ด้วยความสนใจและความมุ่งมั่นในการศึกษา
ทำให้ ดร. เนาวรัตน์ได้รับทุนการศึกษาจากโครงการพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษ
ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (โครงการ พสวท.) ตั้งแต่ระดับชั้นมัธยมศึกษาจนถึงระดับ
ปริญญาเอก ซึ่งดร. เนาวรัตน์ได้เข้าศึกษาระดับอุดมศึกษาด้านชีววิทยา ณ คณะวิทยาศาสตร์
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ความรักและความผูกพันในการศึกษาวิจัยด้าน
วิทยาศาสตร์และความมุ่งมั่นในการเรียนรู้ด้านชีววิทยาของ ดร. เนาวรัตน์ชัดเจนมากขึ้น โดย
ดร. เนาวรัตน์มีความสนใจทางด้านแบคทีเรียไวรัส เชื้อราและสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่มองด้วยตา
เปล่าไม่เห็น (Microscopic Organisms) หลังจากที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจาก
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ดร. เนาวรัตน์ได้เดินทางไปศึกษาต่อระดับปริญญาโทและปริญญาเอก
ในภาควิชาเอก Applied microbiology มหาวิทยาลัย Hokkaido University จังหวัด Sapporo
ประเทศญี่ปุ่นโดยได้รับทุนการศึกษา Monbukagakusho (MEXT) Scholarship
จากรัฐบาลของประเทศญี่ปุ่น

คำถาม อะไรที่ทำให้อาจารย์มีความสนใจในวิทยาศาสตร์สาขาจุลชีววิทยา
และเลือกเรียนต่อทางสายนี้?
?

ตอนสมัยที่ยังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อถึงเวลาเลือกภาควิชา ดิฉันคิดว่าเราจะ
เรียนเจาะจงไปด้านไหนตอนนั้นก็พบว่ามีความสนใจเกี่ยวกับโลกของจุลินทรีย์ซึ่งแม้ว่าจะ
เป็นสิ่งที่เล็กมากๆ แต่ก็เป็นสิ่งที่มีประโยชน์กับมนุษย์มาก อีกเหตุผลหนึ่งคือดิฉันเป็นคน-
กลัวเข็ม กลัวเลือด ก็เลยคิดว่าเราคงไปสายแพทย์ไม่ได้แน่ ซึ่งเมื่อเริ่มเรียนแล้วก็พบว่า
สามารถอ่านและเข้าใจในหนังสือเรียนทางด้านจุลชีววิทยาได้ง่ายกว่าวิชาอื่นๆ อีกด้วย
สิ่งที่น่าตื่นเต้นของจุลชีววิทยาก็คือ แม้ว่าจุลินทรีย์จะเป็นสิ่งที่เล็กมากจนมองด้วยตาเปล่า
ไม่เห็น แต่คุณประโยชน์ที่มีต่อโลกของเรานั้นมีมากมาย แม้กระทั่งมนุษย์อย่างเราๆ
ก็คงจะอยู่ไม่ได้หากไม่มีสิ่งมีชีวิตเล็กๆ เหล่านี้

คำถาม จากการที่อาจารย์มีประสบการณ์การทำวิจัยจากประเทศไทย แคนาดา และ
ญี่ปุ่น อาจารย์คิดว่าประสบการณ์เหล่านี้ส่งผลให้มีแนวความคิด หรือวิธีคิดใน
การทำวิจัยที่แตกต่างหรือมีลักษณะพิเศษอย่างใดบ้าง?

ประสบการณ์ในการศึกษาและการทำวิจัยจากประเทศต่างๆ มีส่วนช่วยอย่างมาก ทำให้ดิฉัน
มาถึงจุดนี้ได้และประสบการณ์และความรู้ที่ได้จากทั้งสามประเทศช่วยให้ดิฉันปรับปรุงและ
พัฒนาตัวเองให้เป็นนักวิจัยและผู้สอนที่มีความเชี่ยวชาญมากยิ่งขึ้นและยังเป็นคนที่เข้าใจ
อะไรได้ง่าย และยอมรับในความแตกต่างของคนอื่นๆ และในการที่จะเป็นนักวิจัยและนักการศึกษาที่มีคุณภาพ ดิฉันตั้งใจเป็นแรงบันดาลใจให้แก่คนรุ่นใหม่ ซึ่งประสบการณ์จากทั้งสามประเทศช่วยทำให้ดิฉันเป็นคนที่มีความอดทนสูง และรู้แนวทางในการให้กำลังใจและสนับสนุนนักเรียนในหลายๆ ทาง นอกจากนี้ดิฉันก็ยังช่วยให้เป็นคนที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้น เพราะการเปิดใจกว้างเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จประการหนึ่ง เพราะไม่มีใครที่รู้ไปเสียหมดทุกอย่าง เราทุกคนต้องเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา

 

คำถาม ผลงานวิจัยชิ้นล่าสุดของอาจารย์คืออะไร และมีความสำคัญอย่างไรต่อสังคม
และโลก?

ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของประชาคมโลก นักวิจัย และนักการศึกษา งานวิจัยส่วนใหญ่ของ
ดิฉันได้ทุ่มเทตัวเองให้กับงานวิจัยด้านความหลากหลายของจุลินทรีย์ (microbial diversity)
สารทุติยภูมิจากจุลินทรีย์ (Microbial secondary metabolites production) ผลิตภัณฑ์-
ธรรมชาติ และสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพ (bioactive compounds) วัตถุประสงค์ของงานวิจัย
ชิ้นล่าสุดของดิฉันคือ เพื่อค้นหาและระบุเชื้อแบคทีเรียสายพันธุ์ใหม่ที่สามารถสร้าง new
antibiotics with new mode of action ของสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพที่สามารถนำไปใช้
ต่อต้านเชื้อก่อโรคที่ดื้อยาซึ่งเป็นที่ตื่นตัวมากในวงการการแพทย์และโรงพยาบาลต่างๆ ทั้ง
ชนิดที่มีอยู่แล้วและที่เกิดขึ้นมาใหม่

นอกจากนี้ ด้วยความสนใจส่วนตัว ดิฉันได้ทุ่มเทการวิจัยไปที่การค้นพบยาปฏิชีวนะ โดยมุ่ง
ไปที่การค้นหาสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กชนิดใหม่ๆ ที่ไม่ได้อาศัยอยู่ตามพื้นที่ทั่วไป เช่น อาศัยอยู่
ในถ้ำ ซึ่งดิฉันก็สนใจในการสำรวจถ้ำเพราะ ถ้ำนอกจากจะเป็นสถานที่ที่ลึกลับแล้ว ยัง
สามารถค้นพบเครื่องมือใหม่ๆ ในการต่อต้านเชื้อโรคทั้งที่มีอยู่แล้วและที่กำลังเกิดขึ้นใหม่
สิ่งมีชีวิตเล็กๆ เหล่านี้จะอาศัยอยู่อย่างหนาแน่นในบริเวณที่มนุษย์นึกไม่ถึง เช่น ในน้ำพุร้อน
ใต้ท้องทะเลลึก บริเวณขั้วโลกเหนือ และขั้วโลกใต้ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเกี่ยวกับ
ความหลากหลายของจุลินทรีย์ที่อาศัยอยู่ในถ้ำมีค่อนข้างจำกัด แม้ว่าถ้ำเป็นสิ่งที่ปรากฏ
อยู่ทั่วโลก มีการศึกษาเกี่ยวกับความหลากหลายของจุลินทรีย์ในถ้ำที่ก่อตัวจากหินปูน
(Karstic caves) เพื่อศึกษาจุลินทรีย์และผลกระทบต่อการก่อตัวของถ้ำ และเพื่อศึกษา
หาวิธีในการอนุรักษ์ถ้ำ แต่อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายงานการวิจัยที่ถูกตีพิมพ์ที่เกี่ยวกับ
จุลินทรีย์ในถ้ำภูเขาไฟ การค้นพบและพัฒนายารักษาโรค ถ้ำเป็นแหล่งที่เหมาะสมสำหรับ
ความหลากหลายของจุลินทรีย์และเป็นแหล่งของสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่ช่วยในการผลิตสารเคมี
ที่มีฤทธิในการยับยั้งหรือฆ่าจุลชีพ (antimicrobial agents) สิ่งมีชีวิตที่ปรับตัวเข้ากับ
สิ่งแวดล้อมภายในถ้ำเป็นตัวอย่างที่ดีของวิวัฒนาการแบบย้อนหลัง (Regressive Evolution)
หรือ เมื่อเวลาผ่านไปอวัยวะบางส่วนที่ไม่ถูกใช้งานจะเสื่อมไป และอวัยวะอื่นๆ จะเด่นชัดขึ้น
เช่น ปลาที่อาศัยอยู่ในถ้ำจะสูญเสียดวงตาและสีสัน ในขณะที่ปลาเหล่านั้นจะพัฒนาระบบ
สัมผัสเพื่อทดแทนการมองเห็นที่หายไป ซึ่งทฤษฎีนี้ก็สามารถเกิดขึ้นได้กับสิ่งมีชีวิตเล็กๆ
อย่างจุลินทรีย์ที่อาศัยอยู่ในถ้ำ การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวอาจจะทำให้สิ่งมีชีวิตเล็กๆ มีกลไก
ทางชีววิทยาและกระบวนการสร้างและการสลายที่แตกต่างกัน ซึ่งในการศึกษาเหล่านี้อาจ
จะช่วยให้เราค้นพบคำตอบสำหรับปัญหาใหม่ๆ ทางการแพทย์ ทางชีววิทยา ทางการเกษตร
ทางสิ่งแวดล้อม และอื่นๆ

ผลงานการวิจัยของดิฉันในส่วนที่เกี่ยวข้องกับถ้ำภูเขาไฟได้รับความสนใจมากขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งดิฉันและทีมวิจัยได้ค้นพบจุลินทรีย์ที่มีเซลล์เดียวที่มีศักยภาพสูงจำนวนมหาศาล และงานวิจัยชิ้นต่อๆ ไปจะช่วยตอบคำถามเกี่ยวกับวิธีที่จะทำจุลินทรีย์นำไปใช้ประโยชน์ต่อไปอย่างไร ขณะนี้ดิฉันและ Dr. Julian Davies จาก University of British Columbia และ Dr. Gerry Wright จาก McMaster University ได้รวบรวมจุลินทรีย์เซลล์เดียวที่อาศัยอยู่ในถ้ำได้จำนวนกว่า 400 ชนิด ในงานประชุม American Society for Microbiology (ASM) ประจำปี พ.ศ. 2554 ซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนพฤษภาคมนี้ที่ New Orleans LA ดิฉันได้รับเชิญไปเป็นผู้บรรยายเกี่ยวกับการค้นพบจุลินทรีย์และยารักษาโรคจากถ้ำ ภายใต้หัวข้อการบรรยายชื่อ Cave Microbiomes and Their Potential for Drug Discover จากหัวข้อวิจัยดังกล่าว เชื้อที่ดื้อต่อยาปฏิชีวนะในจุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดโรคเป็นหัวข้อที่ตื่นตัวกันมากในวงการการแพทย์และโรงพยาบาลทั่วโลก คำถามการวิจัยของทีมวิจัยคือ ยารักษาโรคที่ค้นพบขึ้นใหม่ที่มีรูปแบบปฏิกริยาที่แตกกต่างกันและโครงสร้างที่สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียได้ในหลายๆ รูปแบบสามารถถูกพบได้ในสิ่งมีชีวิตเล็กๆ หรือจุลินทรีย์ที่อาศัยอยู่ในบริเวณที่แตกต่าง (extreme habitats) เช่น ภายในถ้ำ นอกจากนี้ ทีมวิจัยและดิฉันยังมีวิธีการทำวิจัยในแบบเฉพาะของตัวเอง คือดิฉันจะให้ความสนใจอย่างมากในการทำให้นักเรียนได้เรียนรู้ และวิธีการที่จะทำให้นักเรียนเข้าใจในชีววิทยา ในปีพ.ศ. 2552 ดิฉันได้รับการคัดเลือกไปเป็นหนึ่งในนักวิชาการภายใต้การสนับสนุนของ ASM/NSF Biology Research Residency Scholars Program และยังได้เข้าร่วมในโครงการของ NSF เพื่อพัฒนาความเข้าใจและการฏิบัติในการเรียนการสอนแบบ Evidenced-based ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่มีระยะเวลาหลายปีสำหรับนักวิชาการทางด้านชีววิทยาระดับวิทยาลัยและมหาวิทยาลัย เพื่อเป็นการยกระดับการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ระดับอุดมศึกษา และพัฒนาความรู้และความสามารถให้แก่นักวิจัยและนักชีววิทยา

 

คำถาม มีความรู้หรือเทคโนโลยีอะไรใหม่ๆ ในประเทศแคนาดาที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในประเทศไทยได้บ้าง?

ขณะนี้การศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับ Metabolomics และ Metagenomics กำลังเป็นเรื่องใหม่ ซึ่งจะทำให้เกิดความเข้าใจในโลกของจุลินทรีย์ องค์ประกอบของโลกจุลินทรีย์ และผลที่ได้รับจากการสันดาปของจุลินทรีย์ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากๆ ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีจุลินทรีย์ต่างๆ เป็นจำนวนมาก การศึกษาและวิจัยดังกล่าวจะช่วยพัฒนาการวิจัยสาขานี้ในประเทศไทยอย่างมาก

 

คำถาม มีความคืบหน้าหรือการเปลี่ยนแปลงใดที่มีผลต่อวิทยาศาสตร์สาขาชีววิทยา และการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวมีผลกระทบต่อไปอย่างไรกับวงการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของโลก

อย่างที่ได้เรียนไปข้างต้น การศึกษาด้านความหลากหลายของจุลินทรีย์กำลังเป็นที่สนใจ ก่อนหน้านี้ดิฉันเคยศึกษาแบคทีเรียทีละตัวเพราะมีเทคโนโลยีและวิธีการที่ล้าสมัย ในตอนนี้นักวิจัยในวงการสามารถที่จะเจาะหายีนที่น่าสนใจที่ปรากฏอยู่ในกลุ่ม Population แบคทีเรีย แทนที่จะศึกษาแบคทีเรียที่มียีนดังกล่าวทีละตัวๆ ตัวอย่างงานวิจัยที่น่าสนใจหนึ่งคือ งานวิจัยของสถาบัน J. Craig Venture Institute (http://www.jcvi.org/) ที่มีชื่อว่า First Self-Replicating Synthetic Bacterial Cell (การแตกเซลล์จากเซลล์ดั้งเดิมครั้งแรก) ซึ่งนักวิจัยจะต้องเริ่มทำการศึกษาตั้งแต่จุดกำเนิด หรือเริ่มต้นจากศูนย์ ซึ่งยังไม่มีใครรู้ว่าผลการวิจัยจะนำมาซึ่งผลใด และสามารถทำไปประยุกต์ใช้ต่ออย่างไร การวิจัยนี้เป็นที่น่าสนใจและก็น่ากลัวในขณะเดียวกัน เพราะผลที่ได้สามารถถูกนำไปใช้ในทางที่ก่อให้เกิดผลเสียได้ดังนั้นจรรยาบรรณของการทำเทคโนโลยีนี้ไปใช้ถือเป็นสิ่งที่เราต้องเข้มงวดมากๆ

 

คำถาม ในความคิดของอาจารย์ อะไรคือปัญหาในการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศไทย และเราควรทำอย่างไรเพื่อยกระดับมาตรฐานของวงการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศไทย?

ก่อนอื่นดิฉันต้องขอออกตัวว่าไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้ ดิฉันคิดว่าประเทศไทยมีกลุ่มนักวิจัยและนักวิทยาศาสตร์ที่มีคุณภาพในระดับสากลทั้งที่กำลังปฏิบัติงานอยู่ในหน่วยงานของมหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยต่างๆ ในประเทศ แต่สิ่งที่ทำให้ดิฉันไม่มั่นใจคือ การเชื่อมโยงระหว่างหน่วยงานการศึกษาและหน่วยงานธุรกิจ ซึ่งคิดว่าประเด็นนี้เป็นประเด็นสำคัญที่รัฐบาลต้องพยายามแก้ไขและเชื่อมต่อเพื่อการพัฒนาต่อไปในอนาคต

สุดท้ายนี้ดิฉันต้องขอขอบคุณ OSTC ที่เปิดโอกาสให้ได้มาแสดงความคิดเห็นแบ่งปันข้อมูลตรงนี้และหวังข้อมูลตรงนี้จะเป็นประโยชน์ต่อไปคะ

ดร. เนาวรัตน์ ชีพธรรม ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (OSTC) ให้ไปจัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีด้าน Food Microbiology หัวข้อ Traditional Fermented Food of SEA and IP Related Issues หรือ “อาหารหมักพื้นบ้านและการคุ้มครองภูมิปัญญาพื้นบ้าน” ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาอาหารหมักระดับท้องถิ่นให้ยกระดับสู่อุตสาหกรรมระดับสากลได้

สำหรับข้อมูลของ ดร. เนาวรัตน์ ชีพธรรม (หรือ อาจารย์แอน) ด้านอื่นๆ สามารถดูได้ที่เวบไซต์:http://www.tru.ca/faculty/ncheeptham/index.html

Canadian Society of Microbiologists:

http://www.csm-scm.org/english/mem_meet_det.asp?id=9

Naowarat Cheeptham, Ph.D. (Ann) and the Beauty of Microbial World
Dr. Naowarat Cheeptham is Assistant Professor of Department of Biological Sciences, Faculty of Science, Thompson Rivers University (formerly University College of the Cariboo), Kamloops, Canada and adjunct Assistant Professor of Graduate School Chiang Mai University, Chiang Mai, Thailand. She worked as Microbiology Laboratory Director of Eco Tech Laboratory, Kamloops, BC from 2003 – 2007. Also, she is a member of Association of Thai Professional in America and Canada at ATPAC.

Before that, Dr. Naowarat worked as Senior Research Scientist (2001-2002) at KAM Biotechnology, Surrey, Canada, Honorary Research Associate (2001) at Department of Botany, University of British Columbia, Vancouver, Canada, and Lecturer (1999 – 2001) at Department of Biology, Chiang Mai University, Chiang Mai, Thailand.

Dr. Naowarat grew up in Nakhon Sawan province, Thailand. Because of her interest in science and technology, plus her aspiration in scientific studying, Dr. Naowarat was awarded the Thai Government DPST scholarship (the Development and Promotion of Science and Technology Talents Project) from High school to Ph.D.  After high school, she went to study Microbiology at the Faculty of Science, Chiang Mai University where her love of sciences and study of microbiology matured. Dr. Naowarat was fascinated by the plethora of bacteria, viruses, fungi, and other microscopic organisms. After completing her undergrad study, she went on to Hokkaido University in Sapporo, Japan to complete her Master’s and Doctoral Degree in Applied Microbiology, supported by Monbukagakusho (MEXT) scholarship from Japanese Government.

Question Why are you interested in microbiology? What is the exciting part of the field?

At the time when I had to choose a major subject when I was at Chieng Mai University, I found myself feeling fascinated with microbial world, so small yet so beautiful and useful, that was what I felt towards microbiology over Botany and Zoology. Given the fact that I am such a chicken when it comes to needles and blood, I would have never been able to do medical school so I guess it was a destiny. I found it is so effortless to read microbiology textbooks as well compared to other subjects. The exciting part of this microbiology field is the fact that you do not see them with your own naked eyes, they are so tiny yet the benefits and contribution they have for the world we live in so vast and critical. We, human livings, would be nothing without microorganisms.

 

Question You have strong education and research background in all three countries, Thailand, Canada, and Japan. Do you think this attribute gives you any different discipline or way of think in conducting research?

Absolutely, I think it helps me to get where I am today. Moreover, all the experiences and skills I have had through the three countries I lived in and educated me enhances my self-growth and self-development to be a more skillful researcher and educator, also to be more understanding and accepting of others. Being a researcher and educator, you need to also inspire our younger generations. Having gone through Thailand, Japan, and Canada, I found that it helps me to be more patient and I am able to encourage students in different ways. I am more flexible now too and less of a perfectionist. Open-minded self is a key to be successful as well, no one knows absolutely everything, we are still learning all the time.

 

Question What is your current (or latest) research project? What is the importance of the project? How does the project contribute to society and the world?

My research has primarily centered on microbial diversity, microbial secondary metabolites production, and searching for potential natural products and bioactive compounds. My research questions have focused on whether new drugs with different mode of actions and with new scaffolds can be found in rare/less-intensive-studied microorganisms living in extreme habitats (i.e., in caves)? Antibiotic resistance in pathogens is surfacing at an increasing and alarming rate in hospitals and communities around the world. My research proposal is to discover and identify novel bacteria that can produce new scaffolds of bioactive compounds that can be employed to fight existing and emerging resistant infectious agents.

As a world citizen, a researcher and an educator, I have dedicated myself to conduct research in the area of antibiotic discovery. My passion is searching for new microorganisms in unconventional and extreme habitats such as caves. Why am I interested in exploring caves? Caves are not only mysterious; they can also provide some new tools for our battle against newly emerging and existing infectious diseases. Microorganisms live in innumerable and extreme places that we, humans, could not think of inhabiting such as hot springs, hyperthermovents, the Arctic, and the Antarctic. Knowledge of cave microbial diversity is very limited, despite the fact that caves are found abundantly throughout the world. Microbial diversity has been studied in Karstic caves (caves in limestone formations) in order to better understand the impacts of microbes on cave formation and to determine how this knowledge can be used for cave conservation. However, there have been no published reports on analyses of microbes found in volcanic caves in North America, and no reports on the potential use of microbes from volcanic caves worldwide regarding drug discovery. Cave habitats are of interest as the main focus for a new pool of microbial diversity and as a major source of microorganisms that produce antimicrobial agents. Cave-adapted organisms are classic examples of regressive evolution: over time, unused unusual and obvious functions become reduced, while other functions become more pronounced. A good example of this type of evolution is seen in cavefish: these fish lose their eyes and pigmentation over time, but gain in other sensory systems to compensate for the absence of vision. The bases for these developmental changes are genetic. Theoretically, the same process could occur in cave adapted microorganisms, which need to adapt to the extreme starvation environment in the cave system. Such changes and adaptations might lead the microorganisms to acquire different pathways for their physiology and metabolism. For these reasons, cave microorganisms are viewed as a potential resource for studies on genetics and on the mechanisms by which they produce bioactive compounds. These studies may help shed light on current problems in medicine, biology, agriculture, environment, and other disciplines.

My research in volcanic caves has intensified in recent years, as former and current students and I have discovered and isolated a great variety of actinomycetes (Gram-positive filamentous bacteria that are prolific producers of bioactive compounds such as streptomycins, actinomycins, and many more) with extraordinary potential. Further studies are needed to answer all questions we have about whether there are realistic potential uses for these bioactive compounds. To date, we have accumulated over 400 isolates of cave actinomycetes in my culture library and have had research collaborations with Dr. Julian Davies of University of British Columbia and Dr. Gerry Wright of McMaster University. At the 2011 ASM General meeting in May 2011, my student, Tara Sadoway was accepted to be a poster presenter in the student section while I was accepted to be oral-presenting my cave microbiology and drug discovery research as “Young Investigator” category.

According to the research topic “Cave microbiology, drug discovery, antibiotic resistance monitoring project with local hospitals in Interior BC, and microbiology education,” antibiotic resistance in pathogens is surfacing at an increasing and alarming rate in hospitals and communities around the world. My research has primarily centered on microbial diversity, microbial secondary metabolites production, and searching for potential natural products and bioactive compounds. Research questions our group is after for answers have focused on whether new drugs with different mode of actions and with new scaffolds can be found in rare/less-intensive-studied microorganisms living in extreme habitats (i.e., in caves)? Besides, my own disciplinary research in cave microbiology and antibiotic resistance mechanisms, I am very much interested in how students learn and pedagogically what can help them understand microbiology. In 2009, I was selected as one of the biology research residency scholars in the ASM/NSF Biology Research Residency Scholars Program and participated in an NSF-sponsored residency to improve my understanding and practice of evidenced-based teaching and learning. This undertaking is a multiyear leadership program for college/university biology faculty to bring about reforms in undergraduate science education and it focuses on developing biologists’ knowledge and skills in evidenced-based research in learning.

 

Cheeptham’s Laboratory at TRU

There are two areas of research topics for undergraduate and graduate students in my laboratory to conduct their research:

– microbial diversity and drug discovery in volcanic cave actinomycetes

– antibiotic resistance surveillance with Royal Inland and Kelowna General hospitals

URL: http://www.tru.ca/faculty/ncheeptham/index.html
URL:  2009 ASM/NSF Biology Research Residency Scholars Alumnus
http://wiki.biologyscholars.org/2009_Research_Scholars

To society both scientific and non-scientific communities;

Community service/Outreach activities:
Over the years, I have given a numbers of workshops to undergraduate students, graduate students, and research scientists in both academic and industrial settings both in and outside Canada.  Currently, with a colleague, Star Mahara of TRU Faculty of Nursing, I am working on expanding the scope of a one-week summer workshop for Aboriginal High School students which was held in July 2010 successfully.  The expanded program will be on “TRU Workshop on Careers in Science and Health Science for First Nations High School Students”.  This two-week-long-on-campus workshop is designed to introduce Aboriginal high school students for potential careers in science and health science.  This workshop is intended to show them a “how to” approach to get where they can be successful in their science and health science careers with a healthy self-esteem.  This workshop is also designed to enhance the accessibility of science and health science education for Aboriginal high school students.
Below are my outreach activities with wider audiences that are not limited to only the science community.

  •    Nominated and won the Microsoft 2010 “Make Canada Great” competition.  http://www.makecanadagreat.ca/submission/b7777a27-336a-4328-8e85-5b66f18d4b12

  •    Contributed an article entitled “Frankenstein Science: Making new species from scratch”.  Fission Science Magazine.

  •    Translated into Thai and proofread Japanese versions of the “Do Bugs Need Drugs?” A community education program for a wise use of antibiotics.  Created by the BCCDC and Alberta Capital Health.  (http://www.dobugsneeddrugs.org/) 2009.

  •    Interviewed in the article entitled “Immigrating Women in Science (IWIS) Women Meet the Challenge” Autumn IWIS Newssheet – The Society for Canadian Women in Science and Technology (SCWIST) News October 2002.

  •    Featured by the Body & Health program of Global TV for a research activity at caves in Wells Gray Park, Filmed on Oct 6-7, 2003.  Aired in March 2004.

  •    Featured by the Leading Edge Knowledge Network program of Knowledge network TV for a research activity at alkaline ponds, Filmed on Oct 6, 2004.  Aired in February 2005.

  •    Interviewed on “Tempeh production in undergraduate Intro Micro Lab” by American Society for Microbiology (ASM) MicrobeWorld Radio Podcast during the ASM’s General Meeting and ASMCUE in Orlando, Fl from May 21-25, 2006.  Aired in the fall 2006.

  •    Wrote a note on alkaline ponds for an artist Linda Walton.  Exhibition on Evanescence: Barnes Lake in Decline at Kamloops Art Gallery from Oct 29 to Dec 31, 2006.

  •    CBC morning radio show “Day Break”, Interviewed on “A coup in Thailand”, April 2006.

  •    CBC morning radio show “Day Break”, Live interviewed from Thailand on “Tsunami in Thailand”, January 2004.

  •    Interviewed and quoted in Kamloops Daily News by Jeff Lawrence in the article entitled Would you sit on this?; Smelly. Dirty. Unkept. These are the conditions of some of the city’s public washrooms.” Jeff Lawrence. Kamloops Daily News. Kamloops, B.C.: Jul 18, 2008. pg. A.1

  • To the planet;

To understand cave bacterial community and their significances in cave formation and degradation will enhance our understandings of the world we live in.  Additionally, working on drug discovery program can be rewarding, even if nothing is found at the end, we can still learn about the planet and microbiological and metabolic diversity it has to offer.

 

Question Is any interesting advanced knowledge or technology in Canada? Are any of them can be applied to Thailand?

Yes, now study and research on “metabolomics and metagenomics” are very modern to better understand microcosms and what the microbial community composed of and what type of metabolites they produce, and to look at the function and connection of them all. They are very fascinating indeed. This can be applied to Thailand’s rich and undiscovered microbial resources which may lead to further and advanced knowledge in the field and beyond.

 

Question Is any progress or major change in microbiology field currently? How does it affect to the world science and technology?

As answered in the previous question, study on microbial diversity and community have come a long way. We used to study each of the bacterium due to the less advanced technology and approaches we had. Now a day, you can sweep to see any interesting gene (genes) in a community instead of even classically isolate those bacteria that harbor these interesting genes. Another example which is controversial is the work of J. Craig Venture Institute (http://www.jcvi.org/) and his researchers on “First self-replicating synthetic bacterial cell”, can you imagine that they made it from scratch and who know where this lead too, it could be very interesting and it could be very scary depending on what applications it can lead too. Ethical basis of this technology’s use needs to be very stringent, I personally think.

 

Question In your opinion, what are problems of science and technology in Thailand? How can we help our country develop its science and Technology?

I will not pretend that I am an expert here. I personally think that we have a great group of world class academic scientists in universities and research institutes back home. However, I am unsure about connecting academic research and industries together. I think this is a point where Thai government needs to bridge and further enhance.

This is such a great venue to share our stories.  Keep up a great work, OSTC!  Thank you so much for giving me an opportunity to share and to inspire.

 

Currently, Dr. Naowarat Cheeptham was supported by Office of Science and Technology, Washington D.C. (OSTC) to hold a workshop, “Traditional Fermented Food of SEA and IP related Issues,” at Chiang Mai University, Thailand, on July 5-8, 2011. The objectives of the workshop were to transfer knowledge and technology in Food Microbiology to Thailand and to help develop Thai traditional fermented food industries to world-class level.

For more information about Dr. Naowarat Cheeptham (Ann), please visit URL:http://www.tru.ca/faculty/ncheeptham/index.html

Canadian Society of Microbiologists:

http://www.csm-scm.org/english/mem_meet_det.asp?id=9

Reference : http://www.ostc.thaiembdc.org/interview4.html

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *